วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2568

อธิบดีเดชา นำทีมทดสอบมาตรฐานแรงงานนวดไทยกลางปารีส หนุนแรงงานโกอินเตอร์ ค่าจ้างเริ่ม 64,000 บาทต่อเดือน

 อธิบดีเดชา นำทีมทดสอบมาตรฐานแรงงานนวดไทยกลางปารีส หนุนแรงงานโกอินเตอร์ ค่าจ้างเริ่ม 64,000 บาทต่อเดือน

นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน พร้อมด้วยนายภัทรวุธ เภอแสละ รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นางพลาพร รัตนปริคณน์ ผู้อำนวยการกองพัฒนามาตรฐานและทดสอบฝีมือแรงงาน และคณะกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ดำเนินการจัดโครงการส่งเสริมศักยภาพมาตรฐานฝีมือแรงงานไทยในต่างประเทศ เพื่อทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาพนักงานนวดไทย ระดับ 1 ระหว่างวันที่ 12 – 13 มิถุนายน 2568 มีคุณกนกลักษณ์ โพธิ์ไทรย์ อัครราชทูตที่ปรึกษา (สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส) และคุณศศิมา ปาร์ค นายกสมาคมนวดไทยและสปาในฝรั่งเศส ให้การต้อนรับ ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส





นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ได้เดินทาง และหารือกับสมาคมนวดไทยและสปาในฝรั่งเศสเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พบว่า ปัจจุบันพนักงานนวดแผนไทยในปารีส และทั่วประเทศฝรั่งเศสได้รับความนิยมมาก ซึ่งองค์การยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนให้นวดแผนไทยเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ซึ่งมีค่าบริการในแต่ละ package เริ่มต้นที่ 100 ยูโร (ประมาณ 3,500 บาท) มีบริการนวดเท้า นวดแผนไทย และสปา ทำให้ขณะนี้มีความต้องการแรงงานนวดแผนไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งค่าจ้างพนักงานนวดได้ค่าจ้างเริ่มต้น 1,824 ยูโรต่อเดือน (ประมาณกว่า 64,000 บาท) ไม่รวมทิปและค่าทำงานล่วงเวลา และทำงานเพียง 5 วัน/สัปดาห์ตามกฎหมายฝรั่งเศส พร้อมทั้งมีสวัสดิการดูแลด้านประกันสังคมและประกันสุขภาพให้ด้วย จึงมีนโยบายในการพัฒนาแรงงานไทยที่เข้ามาทำงานเป็นพนักงานนวดในต่างประเทศที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งจะเป็นการการันตี และสร้างความน่าเชื่อถือ และโอกาสในการทำงานในต่างประเทศได้เป็นอย่างดี จึงได้มอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัดโครงการส่งเสริมศักยภาพมาตรฐานฝีมือแรงงานไทยในต่างประเทศ เพื่อทำการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาพนักงานนวดไทย ระดับ 1 ให้แก่แรงงานไทยที่มาทำงานเป็นพนักงานนวดไทยในต่างประเทศ



นายเดชา กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการส่งเสริมศักยภาพมาตรฐานฝีมือแรงงานไทยในต่างประเทศในครั้งนี้ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส และสมาคมนวดไทยและสปาในประเทศฝรั่งเศส ดำเนินการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาพนักงานนวดไทย ระดับ 1 ณ  บ้านไทย สปา และ Asiem เลขที่ 6 rue Albert de Lapparent Paris กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อให้แรงงานไทยที่ประกอบอาชีพพนักงานนวดไทย และสปาในประเทศฝรั่งเศส ได้รับความรู้และยกระดับทักษะฝีมือ เข้าสู่เกณฑ์มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ มีคุณภาพ มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ จำนวน 2 รุ่น ประกอบด้วย รุ่นที่ 1 ในวันที่ 12 มิถุนายน 2568 มีผู้เข้ารับการทดสอบ จำนวน 16 คน และรุ่นที่ 2 ในวันที่ 13 มิถุนายน 2568 มีผู้เข้ารับการทดสอบ จำนวน 14 คน ในส่วนของการดำเนินการทดสอบแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ทดสอบภาคความรู้ และทดสอบภาคความสามารถในสาขาพนักงานนวดไทย ซึ่งผู้เข้ารับการทดสอบจะต้องมีคะแนนไม่น้อยกว่า 60 คะแนนในภาคความรู้ จึงจะสามารถเข้ารับการทดสอบภาคความสามารถต่อไป ซึ่งจะต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 800 คะแนน จึงจะผ่านการทดสอบ



ความสำเร็จในวันนี้ยังถือเป็นก้าวสำคัญที่จะนำพาทุกท่านไปสู่โอกาสใหม่ ๆ ในสายงานทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้แก่แรงงานไทยคนอื่น ๆ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ขอให้ทุกท่านนำความรู้และทักษะที่ได้รับไปใช้ในการประกอบอาชีพด้วยความภาคภูมิใจ และเป็นแบบอย่างของผู้ที่มีความสามารถตามมาตรฐาน พร้อมทั้งรักษาไว้ซึ่งคุณค่าของวัฒนธรรมไทยอย่างงดงามและน่าเชื่อถือ” นายเดชากล่าวทิ้งท้าย

วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2568

ซินโครตรอน อว. ร่วมประชุมฟิสิกส์ระดับชาติ SPC2025 โชว์ศักยภาพสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนใหม่ 3 GeV

 ซินโครตรอน อว. ร่วมประชุมฟิสิกส์ระดับชาติ SPC2025 โชว์ศักยภาพสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนใหม่ 3 GeV 

สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เข้าร่วมการประชุมวิชาการฟิสิกส์ระดับชาติ แสดงศักยภาพในการสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนเครื่องใหม่ ระดับพลังงาน 3 GeV พร้อมจัดแสดงต้นแบบแม่เหล็กสำหรับเครื่องเร่งอนุภาคเพื่อผลิตแสงซินโครตรอน และผลงานวิจัยเด่นด้านการแพทย์และอุตสาหกรรมจากการใช้ประโยชน์แสงซินโครตรอนจากเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนที่มีในปัจจุบัน พร้อมรับไม้ต่อในการเป็นเจ้าภาพการจัดงานปีถัดไป




ขอนแก่น – สมาคมฟิสิกส์ไทย ร่วมกับ สาขาวิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดการประชุมวิชาการฟิสิกส์ระดับชาติ ครั้งที่ 20 ประจำปี 2568 (The 20th Siam Physics Congress 2025 :SPC2025) ระหว่างวันที่ 11 – 13 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมพูลแมน จังหวัดขอนแก่น โดยสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอนได้ร่วมสนับสนุนการจัดการประชุม และจัดบูธแสดงนิทรรศการผลงานวิจัยของสถาบันฯ โดยนักวิทยาศาสตร์ นักฟิสิกส์เครื่องเร่งอนุภาคของสถาบันฯ ได้รับเชิญบรรยายพิเศษในเรื่องการใช้ประโยชน์แสงซินโครตรอน ภายในการประชุมครั้งนี้ซึ่งมีนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ อาจารย์ นักเรียน นักศึกษา และผู้สนใจเข้าร่วมกว่า 500 คน 


ดร.พินิจ กิจขุนทด หัวหน้าฝ่ายวิจัยและประยุกต์ใช้แสงซินโครตรอน กล่าวว่า “สถาบันฯ ได้นำต้นแบบแม่เหล็กสี่ขั้วสำหรับเครื่องเร่งอนุภาคของเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนเครื่องใหม่ ระดับพลังงาน 3 GeV มาร่วมจัดแสดงภายในการประชุมวิชาการฟิสิกส์ระดับชาติ พร้อมกับโมเดลจำลองของเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนเครื่องใหม่ ที่จะสร้างภายในพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) จ.ระยอง นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างผลงานเด่นด้านการแพทย์และอุตสาหกรรมจากการใช้ประโยชน์แสงซินโครตรอน จากเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนเครื่องปัจจุบันด้วย” 

ตัวอย่างงานวิจัยที่สถาบันฯ นำไปจัดแสดง เช่น การพัฒนาตัวเร่งปฏิกิริยาที่มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไปเป็นก๊าซมีเทน เพื่อใช้ประโยชน์ด้านพลังงานสะอาดและลดก๊าซเรือนกระจก, การศึกษาสารชีวโมเลกุลจากพืชในการเหนี่ยวนำการตายของเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่, การพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องเร่งโปรตอนแบบซินโครตรอนเพื่อการรักษามะเร็งด้วยอนุภาคไอออน, การพัฒนาปั๊มสุญญากาศประสิทธิภาพสูงยุคใหม่ NEG-Ion Combination Pump ที่สามารถสร้างสภาวะสุญญากาศระดับสูงยิ่งยวด เพื่อผลิตชิ้นส่วนสำหรับเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอน 3 GeV โดยลดการพึ่งพาอุปกรณ์นำเข้าราคาแพง และสามารถลดต้นทุนลงได้เกือบ 10 เท่า, เครื่องต้นแบบการเคลือบฟิล์มคาร์บอนเสมือนเพชรสำหรับบรรจุภัณฑ์สมัยใหม่ที่ช่วยคงความสดใหม่ของอาหาร สามารถรีไซเคิลได้ และตัวอย่างผลิตภัณฑ์จากความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ เป็นต้น 

ภายในการประชุมครั้งนี้ รศ.ดร.สาโรช รุจิรวรรธน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ยังได้รับตำแหน่งเป็นนายกสมาคมฟิสิกส์ไทยคนใหม่ พร้อมทั้งได้ร่วมเสวนาโต๊ะกลมหัวข้อ “ฟิสิกส์ไทยไปทางไหน” ร่วมกับนักฟิสิกส์จากสถาบันและหน่วยงานต่างๆ โดยนำเสนอในประเด็น “เชื่อมโลกวิชากการกับภาคธุรกิจ สร้างสะพานสู่เวทีโลก” และสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอนจะร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมวิชาการฟิสิกส์ระดับชาติ ครั้งที่ 21 ต่อไป



วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2568

จิตอาสาปลูกกล้าไม้เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ​ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568

 จิตอาสาปลูกกล้าไม้เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ​ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568











นายพีรเมศร์ วุฒิธรเนติรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) เป็นประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนจิตอาสาพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อความสุขของประชาชน พร้อมด้วยพันเอก ดร.ศรัณยู วิริยเวชกุล รองผู้อำนวยการ สพพ. และรองประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนจิตอาสาฯ นำคณะจิตอาสาของ สพพ. เข้าร่วมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ปลูกกล้าไม้เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 โดยนางสาวชลาทิพย์ จันทร์ชมภู ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน ให้การต้อนรับและบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศป่าชายเลนควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการเก็บขยะบริเวณพื้นที่ป่าชายเลน เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ตลอดจนสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรของประเทศ ณ ศูนย์วิจัยทรัพยากรป่าชายเลนที่ 2 จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568

กรมวิทย์ฯบริการ ลงพื้นที่จังหวัดชุมพร เดินหน้า “ยกระดับห้องปฏิบัติการภูมิภาค” หนุนการพัฒนาทุเรียนไทยด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

 กรมวิทย์ฯบริการ ลงพื้นที่จังหวัดชุมพร เดินหน้า “ยกระดับห้องปฏิบัติการภูมิภาค” หนุนการพัฒนาทุเรียนไทยด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เมื่อวันที่ 11–12 มิถุนายน 2568 กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นำโดยนางจันทรัตน์ วรสรรพวิทย์ ผู้อำนวยการสำนักวิทยาศาสตร์บริการ เขต 11 ซึ่งรับผิดชอบภารกิจนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีลงพื้นที่เพื่อสนับสนุนการพัฒนาและแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ ครอบคลุมจังหวัดชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา กระบี่ และภูเก็ต พร้อมด้วย นายเดช บัวคลี่ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาเครือข่ายวิทยาศาสตร์บริการ และเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่จังหวัดชุมพร เพื่อขับเคลื่อนโครงการ “พัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการทดสอบของหน่วยงานภาครัฐส่วนภูมิภาค” ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยมีนายธราพงษ์ มีมุสิทธิ์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดชุมพร รศ.ดร.คำรณวิทย์ ทิพย์มณี รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ว่าที่ร้อยตรีสุระศักดิ์  ชัยตาแสง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีชุมพร และ ดร.ฐิระ ทองเหลือ คณบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร


จังหวัดชุมพรถือเป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญของการผลิตทุเรียนคุณภาพของประเทศไทย การส่งเสริมให้มีห้องปฏิบัติการที่สามารถตรวจวิเคราะห์สารตกค้างและประเมินคุณภาพทุเรียนได้อย่างแม่นยำตามมาตรฐานสากล จึงเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนการส่งตรวจนอกพื้นที่ เสริมความสามารถในการแข่งขันของเกษตรกรและผู้ประกอบการในท้องถิ่น


กิจกรรมในครั้งนี้ประกอบด้วยการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อจัดทำแผนการสร้างห้องปฏิบัติการทดสอบสารตกค้างในทุเรียน ในพื้นที่จังหวัดชุมพรของสถาบันการศึกษา 3 แห่ง ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์, วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีชุมพร, มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ห้องปฏิบัติการของสถาบันเหล่านี้สามารถพัฒนาไปสู่ระดับที่สามารถรองรับการทดสอบทุเรียนและผลผลิตทางการเกษตรอื่น ๆ ได้อย่างเป็นระบบ

นอกจากนี้ ยังมีการเผยแพร่บทบาทของกรมวิทยาศาสตร์บริการในฐานะหน่วยงานหลักด้านการส่งเสริมมาตรฐานห้องปฏิบัติการของประเทศ พร้อมเน้นย้ำการทำงานเชิงรุกร่วมกับพื้นที่ เพื่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพ (National Quality Infrastructure: NQI) ที่เข้มแข็งจากรากฐานของชุมชน


การลงพื้นที่จังหวัดชุมพรในครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นการพัฒนาห้องปฏิบัติการในเชิงเทคนิคเท่านั้น หากยังเป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก นำไปสู่ความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนของเกษตรกรและชุมชนท้องถิ่น


#กรมวิทยาศาสตร์บริการ #กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม #กรมวิทย์ฯบริการ #MHESI #DSS #กระทรวงอว #มาตรฐานห้องปฏิบัติการ

ดร.ธิติวัฐ ลุยพื้นที่เขตตรวจ ลำปาง ลำพูน เร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชน

 ดร.ธิติวัฐ ลุยพื้นที่เขตตรวจ ลำปาง ลำพูน เร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชน

ดร.ธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองลงพื้นที่ตรวจความพร้อมและความเหมาะสมของโครงการตามที่จังหวัดขอรับการสนับสนุน เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชนในพื้นที่ จ.ลำปาง และ จ.ลำพูน 

ระหว่างวันที่ 11 - 12 มิถุนายน 2568 ดร.ธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะประธานคณะทำงานกลั่นกรองแผนงาน/โครงการ คณะที่ 1 สำหรับรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) พร้อมด้วย นายพิฆเนศ ต๊ะปวง ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 15 และคณะ ได้ลงพื้นที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค เพื่อตรวจสอบความพร้อมและความเหมาะสมของโครงการที่เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบกลางรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2568 ในส่วนของจังหวัดลำปาง และจังหวัดลำพูน โดยมี นายรังสรรค์ มณีรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำพูน นายสงวน พงษ์มณี คณะที่ปรึกษาของรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) นายกฤษณะ พินิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง และนายปรีชา สมชัย ปลัดจังหวัดลำพูน และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับ

โดย นายธิติวัฐ กล่าวว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน จึงได้มอบหมายตนมารับฟังประเด็นปัญหาความเดือดร้อน ซึ่งโดยส่วนใหญ่เกิดจากขาดการพัฒนาและปรังปรุงซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งแก้ไข เตรียมความพร้อมรองรับอุทกภัยและน้ำป่าไหลหลากที่อาจเกิดขึ้น อันส่งผลต่อการใช้ชีวิต การขนส่งและการสัญจร การอุปโภคบริโภค และการเกษตร 


ในการนี้ นายธิติวัฐ และคณะได้ร่วมพิจารณารายละเอียดโครงการให้สามารถแก้ไขปัญหาได้จริงทั้งระบบ และเพื่อป้องกันและบรรเทาอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝนนี้ หากการดำเนินโครงการแล้วเสร็จ จะสามารถช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและเพิ่มขีดความสามารถให้กับประชาชน รวมถึงเพิ่มความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับพื้นที่ได้อย่างยั่งยืนต่อไป 

กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัดฝึกบาร์เทนเดอร์มืออาชีพ ปีที่ 2 พัฒนาสกิลผสมเครื่องดื่ม – เทคนิคเทคแคร์ลูกค้า รับเทรนด์ท่องเที่ยวไทยโตต่อเนื่อง

 กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัดฝึกบาร์เทนเดอร์มืออาชีพ ปีที่ 2 พัฒนาสกิลผสมเครื่องดื่ม – เทคนิคเทคแคร์ลูกค้า รับเทรนด์ท่องเที่ยวไทยโตต่อเนื่อง

กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือ บ.ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด เร่งพัฒนาบาร์เทนเดอร์มืออาชีพ ปีที่ 2 เปิดโปรแกรมอบรม 5 จังหวัดท่องเที่ยว

นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า บาร์เทนเดอร์ (Bartender) อีกหนึ่งอาชีพที่หลายคนให้ความสนใจในการทำงาน นอกจากเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไร้แอลกอฮอล์ ต้องมีบุคลิกภาพที่ดี เข้าถึงง่าย มีใจรักการบริการ มีความอดทนสูง รับฟังพร้อมกับเข้าใจความต้องการของลูกค้าอีกด้วย ทำให้ค่าตอบแทนสูงตามประสบการณ์  สถานที่ทำงาน  และทักษะ ซึ่งสถานที่ทำงานส่วนใหญ่จะอยู่ตามบาร์ ผับ ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ต เรือสำราญ เป็นต้น ยังมีส่วนในการส่งเสริมและสร้างรายได้แก่ธุรกิจการบริการและท่องเที่ยวของประเทศโดยตรงอีกด้วย กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงมีการยกระดับทักษะอาชีพบาร์เทนเดอร์ ได้ร่วมกับบริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คุณภาพชั้นนำ จัดฝึกอบรมหลักสูตรบาร์เทนเดอร์มืออาชีพ ระยะเวลาการฝึกอบรม 8 ชั่วโมง ในปีแรก (2567) มีผู้ผ่านการฝึกอบรม จำนวน 197 คน


นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับในปีที่ 2 (2568) ทั้งสองหน่วยงานยังคงเดินหน้าจัดฝึกอบรมตามกระแสเรียกร้อง นำร่องฝึกอบรมในพื้นที่ 5 จังหวัดท่องเที่ยวของประเทศ ได้แก่ (1) สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 3 ชลบุรี จัดฝึกอบรมวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 (2) สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 19 เชียงใหม่ จัดฝึกอบรมวันที่ 4 สิงหาคม 2568 (3) สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 21 ภูเก็ต จัดฝึกอบรมวันที่ 18 สิงหาคม 2568 (4) สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 6 ขอนแก่น จัดฝึกอบรมวันที่ 12 กันยายน 2568 และ (5) สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 7 อุบลราชธานี จัดฝึกอบรมวันที่ 29 กันยายน 2568 คาดว่าจะมีผู้เข้ารับอบรมไม่น้อยกว่า 500 คน สำหรับผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4 หรือติดต่อผ่าน Inbox เพจ www.facebook.com/dsdgothai




สำหรับหลักสูตรนี้ต้องการให้ผู้เข้ารับการอบรมเรียนรู้ทำความรู้จักกับเครื่องดื่มต่าง ๆ การผสมเครื่องดื่ม การตกแต่งแก้ว การให้บริการ ดูแลเครื่องมือและอุปกรณ์ในบาร์ การจัดการสต็อก และการสร้างประสบการณ์การดื่มที่ดีให้กับลูกค้า เป็นต้น ซึ่งเป็นการยกระดับให้เป็นบาร์เทนเดอร์มืออาชีพที่มีทักษะในการผสมเครื่องดื่มหรือคิดค้นเมนูเครื่องดื่มใหม่ที่ถูกใจลูกค้า ดึงดูดให้กลับมาใช้บริการอีกครั้ง” อธิบดีเดชา กล่าว

ม.รามคำแหงร่วมผลักดันการประชุมสัมมนาการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืนประเทศไทย ครั้งที่ 3 ที่เกาะช้าง ชูนวัตกรรม - ภูมิปัญญา - เทคโนโลยีขับเคลื่อนสู่ Net Zero Tourism

 ม.รามคำแหงร่วมผลักดันการประชุมสัมมนาการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืนประเทศไทย ครั้งที่ 3 ที่เกาะช้าง ชูนวัตกรรม - ภูมิปัญญา - เทคโนโลยีขับเคลื่อนสู่ Net Zero Tourism










ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุภาวดี โพธิยะราช ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สกสว. รศ.ดร.ธรรมศักดิ์ ยีมิน ผู้อำนวยการแผนงานการท่องเที่ยวบนฐานมรดกธรรมชาติ การท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ประจำปีงบประมาณ 2566-2567 และอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยรามคำแหงพร้อมคณะนักวิจัยร่วมสนับสนุนการประชุมสัมมนาการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืนประเทศไทย ครั้งที่ 3 ณ หาดคลองพร้าว อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด ระหว่างวันที่ 9-11 มิถุนายน 2568 ภายใต้แนวคิด “มหัศจรรย์แห่งเกาะ: ดำรงไว้ซึ่งธรรมชาติที่หล่อเลี้ยงเรา” เนื่องในวันมหาสมุทรโลก ด้วยความร่วมมือของประชาคมชาวเกาะ จำนวน 280 คน จาก 33 เกาะ และองค์กรภาคีเครือข่าย 20 องค์กร ภายในงาน ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุภาวดี โพธิยะราช ร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเกาะสู่สมดุลใหม่ โดยนำเสนอการพัฒนาเกาะท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนผ่านแนวทาง “การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์” โดยคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ด้วยแอปพลิเคชัน Zero Carbon และพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวท้องถิ่นสู่สากลตามอัตลักษณ์วิถีของบริบทแต่ละเกาะ พร้อมทั้งขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์จากทรัพยากรท้องถิ่น โดยมีเป้าหมายสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ ธุรกิจ และวิถีชีวิตชุมชนอย่างยั่งยืน และร่วมแลกเปลี่ยนถอดบทเรียน ภูมิปัญญา นวัตกรรม เทคโนโลยี เกาะสู่การท่องเที่ยวปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Tourism) สำหรับจัดทำคู่มือให้กับเครือข่ายเกาะยั่งยืนประเทศไทย โดยมี อาจารย์ ดร. วิชิน สืบปาละ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง คุณวัชรินท์ แสวงการ อุปนายกสมาคมการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดชุมพร คุณนิพัทธ์พงษ์ ชวนชื่น ผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ คุณศิราณี อนันตเมฆ ที่ปรึกษาด้านการท่องเที่ยวสร้างสรรค์อย่างยั่งยืนเกาะสุมย เกาะพะงัน และเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี และ อาจารย์ ดร. สิทธิพร เพ็งสกุล กลุ่มวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพในทะเล คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ร่วมกับชุมชนและผู้ประกอบการในพื้นที่เกาะ โดยมีสาระสำคัญหลายประเด็น เช่น ผลการดำเนินงานวิจัยการท่องเที่ยวทางทะเลคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ การพัฒนามาตรฐานและหลักสูตรฝึกอบรมการท่องเที่ยวทางทะเลคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศไทย การพัฒนาเรือไฟฟ้านำเที่ยว การขับเคลื่อนการท่องเที่ยวปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Tourism) ของที่พักในกลุ่มเกาะจังหวัดชุมพรและจังหวัดสุราษฎร์ธานี การพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยว และแนวทางการจัดการอาหารและขยะเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและแนวทางการลงมือปฏิบัติจริง ในการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำและคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ เพื่อร่วมกันผลักดันให้เกาะต่าง ๆ ของประเทศไทยก้าวสู่ “สมดุลใหม่เพื่อยั่งยืนในอนาคต”


อธิบดีเดชา นำทีมทดสอบมาตรฐานแรงงานนวดไทยกลางปารีส หนุนแรงงานโกอินเตอร์ ค่าจ้างเริ่ม 64,000 บาทต่อเดือน

  อธิบดีเดชา นำทีมทดสอบมาตรฐานแรงงานนวดไทยกลางปารีส หนุนแรงงานโกอินเตอร์ ค่าจ้างเริ่ม 64,000 บาทต่อเดือน นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒ...