"รมว.เกษตรฯ หนุนหม่อนไหมไทยสู่ความยั่งยืน เดินหน้าโมเดล BCG ตอบโจทย์ตลาด-เพิ่มรายได้เกษตรกร"
"วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.40 น. นายนวนิตย์ พลเคน อธิบดีกรมหม่อนไหม พร้อมด้วยนายวัชรพงษ์ แก้วหอม รองอธิบดีกรมหม่อนไหม นายศรัญญู พูลลาภ รองอธิบดีกรมหม่อนไหม พร้อมด้วยข้าราชการและเจ้าหน้าที่ กรมหม่อนไหมจากทั้งส่วนกลางและภูมิภาค ร่วมต้อนรับคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำโดย ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการติดตามผลการดำเนินงานตามแนวนโยบาย "ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้" ในอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ณ บริษัท เจ ที ซิลค์ ฟาร์ม จำกัด ตำบลห้วยทราย อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้ นายฮิโรโตะ เอกามิ ประธานกรรมการบริษัท เจ.ที. ซิลค์ จำกัด ได้กล่าวต้อนรับและรายงานถึงประวัติความเป็นมาในการจัดตั้งบริษัท และการนำนวัตกรรมมาใช้ในการเพิ่มมูลค่ารังไหมสู่สารสกัดโปรตีน เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเครื่องสำอางจากธรรมชาติ
จากนั้น ศาสตราจารย์ ดร. นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบนโยบายให้กับผู้ปฎิบัติงานในพื้นที่ และพร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินงานของกรมหม่อนไหม เพื่อให้เกษตรกรมีผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมมีรายได้ที่ยั่งยืน สามารถเป็นอาชีพที่สร้างรายได้หลักหรือรายได้เสริมสำหรับเกษตรกรได้ ซึ่งในปัจจุบันตลาดมีความต้องการรังไหม 5,000 ตันต่อปี แต่ประเทศไทยสามารถผลิตรังไหมได้ประมาณ 2,000 ตันต่อปี ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด จึงเห็นควรเร่งดำเนินการส่งเสริมอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในประเทศให้เพิ่มขึ้น โดยบูรณาการร่วมกับ หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน รวมถึงการนำโมเดล BCG มาใช้ในกระบวนการผลิต ซึ่งส่งเสริมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ส่งผลให้กลุ่มเกษตรกรมีความเข้มแข็ง ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐานและสามารถนำมาแปรรูปเป็นสินค้าทางการเกษตรที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างยั่งยืนต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น