วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2567

วว. ร่วมมือ บริษัทฟินิส เวล เมนูเฟคเจอริ่งฯ ส่งเสริมพัฒนางานวิจัยวิทยาศาสตร์นวัตกรรมวัสดุแม่เหล็กขั้นสูง

 วว. ร่วมมือ บริษัทฟินิส เวล เมนูเฟคเจอริ่งฯ ส่งเสริมพัฒนางานวิจัยวิทยาศาสตร์นวัตกรรมวัสดุแม่เหล็กขั้นสูง 

วันนี้ ( 23 ธันวาคม 2567)  ผศ.ดร.วีรชัย  อาจหาญ  ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม  (อว.) และ Mr.John  Qian (จอห์น  เฉียน) ประธานบริษัท ฟินิส เวล เมนูเฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด  ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือการส่งเสริมและพัฒนางานวิจัยวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม มีระยะเวลา 2 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตและการวิเคราะห์ทดสอบคุณสมบัติของแม่เหล็ก 2) ศึกษาการวิจัยและพัฒนาการลดปริมาณการใช้วัตถุดิบที่เป็นแร่หายากหรือใช้วัตถุดิบทดแทนในการผลิตแม่เหล็กซึ่งเป็นวัสดุขั้นสูงที่ตรงตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรม 3) สร้างห้องปฏิบัติการสำหรับงานวิจัยและงานบริการวิเคราะห์ทดสอบคุณสมบัติของแม่เหล็ก ที่เป็นวัสดุขั้นสูงเพื่อใช้ในงานวิจัยและให้บริการ และ 4) พัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีให้สามารถเกิดกระบวนการผลิตแม่เหล็กที่เป็นวัสดุขั้นสูงได้อย่างเต็มรูปแบบในประเทศไทย  ในการนี้ ดร.ประทีป  วงศ์บัณฑิต  รองผู้ว่าการวิจัยและพัฒนาด้านพัฒนาอย่างยั่งยืน วว.  และนางสาวณัฐพร  เลอศักดิ์รัศมี  ผู้ช่วยผู้จัดการโครงการ บริษัท ฟินิส เวล  เมนูเฟคเจอริ่งฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน  โอกาสนี้  นายสมพร  มั่งมี   คณะอนุกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของผู้ว่าการ วว. และอดีตกรรมการ วว.  ดร.เรวดี  อนุวัฒนา  รักษาการ ผอ.ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมวัสดุ  ดร.โสภาพรรณ  สัญญาณเสนาะ  ผอ.สำนักจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม พร้อมบุคลากรทั้งสองหน่วยงานร่วมเป็นเกียรติและแสดงความยินดีด้วย ณ วว. เทคโนธานี คลองห้า จังหวัดปทุมธานี



ผู้ว่าการ วว.  กล่าวว่า  ปัจจุบันการวิจัยวัสดุแม่เหล็กเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ในด้านส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ และจัดการกับความท้าทายที่สำคัญระดับโลก ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ มีความมุ่งมั่นในการดำเนินงานถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านวัสดุแม่เหล็ก โครงการวิจัยความร่วมมือด้านวัสดุแม่เหล็ก และการจัดตั้งห้องปฏิบัติการและสิ่งอำนวยความสะดวกการทดสอบที่ทันสมัยสำหรับวัสดุแม่เหล็ก  ทั้งนี้เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าทั้งสองหน่วยงานจะแปรเทคโนโลยีและนวัตกรรมในวัสดุแม่เหล็กให้เป็นพลังในระยะเวลาอันใกล้ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและความเจริญรุ่งเรืองต่อไป



Mr.John  Qian  กล่าวว่า  บริษัท ฟินิส เวล เมนูเฟคเจอริ่งฯ มีความเชี่ยวชาญในการผลิตเครื่องมือและแม่เหล็ก ส่วนประกอบและอุปกรณ์แม่เหล็ก สเตเตอร์ (stator) สำหรับการใช้งานมอเตอร์ต่างๆ นอกเหนือจากการผลิตแล้ว ยังให้บริการครบวงจรที่ครอบคลุมถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ การสร้างต้นแบบอย่างรวดเร็ว การทำแม่พิมพ์ (รวมถึงแม่พิมพ์ฉีด การปั๊มแม่พิมพ์ และการหล่อแบบ) การผลิตและการประกอบ การจัดหาตามสั่ง การส่งออก การจัดส่ง และอื่นๆ ด้วยคุณภาพมาตรฐาน ภายใต้ความมุ่งมั่นขององค์กร คือ ความสำเร็จของคุณ คือ สิ่งที่เราให้ความสำคัญ ดังนั้นความร่วมมือกับ วว. ดังกล่าว จะเป็นส่วนสำคัญให้องค์กรประสบผลสำเร็จเป็นรูปธรรม


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและรับบริการจาก วว. ติดต่อได้ที่ call center โทร. 0 2577 9000  หรือที่ระบบบริการลูกค้า  “วว. JUMP”




กรมวิทย์ฯ บริการ กระทรวง อว. มอบของขวัญปีใหม่ประชาชน 2568 ..ฟรี !! Upskill, Reskill, Newskill ผ่านระบบออนไลน์กว่า 43 หลักสูตร!! เสริมทักษะด้าน วทน. พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียมยื่นขอการรับรอง ทุกขอบข่าย และสมนาคุณ QC Sample ควบคุมคุณภาพห้องปฏิบัติการ ไทยสู่สากล

 กรมวิทย์ฯ บริการ กระทรวง อว. มอบของขวัญปีใหม่ประชาชน 2568 ..ฟรี !! Upskill, Reskill, Newskill ผ่านระบบออนไลน์กว่า 43 หลักสูตร!! เสริมทักษะด้าน วทน. พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียมยื่นขอการรับรอง ทุกขอบข่าย และสมนาคุณ QC Sample ควบคุมคุณภาพห้องปฏิบัติการ ไทยสู่สากล


          นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ กล่าวว่า ตามนโยบายของนางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้จัดเตรียมของขวัญปีใหม่ อว. เพื่อประชาชน ประจำปี 2568 ด้วยการเปิดให้คนไทยทุกคนได้เรียนฟรี กับหลักสูตร Upskill-Reskill-Newskill เพื่อขัดเกลาทักษะเดิม เพิ่มเติมทักษะใหม่ โดยกรมวิทย์ฯ บริการ พร้อมส่งความสุขต้อนรับปีใหม่ พ.ศ. 2568 ด้วยของขวัญสุดพิเศษแก่ผู้ประกอบการ และประชาชนทั่วไป ประกอบด้วย

       - ฟรี!! ฝึกอบรม Upskill, Reskill, Newskill รวม 43 หลักสูตร ผ่านระบบ E-learning เข้าถึงง่าย เรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา มุ่งยกระดับความรู้และทักษะด้านวิทยาศาสตร์แก่บุคลากรทุกภาคส่วน พัฒนาศักยภาพของตนเองในงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรียนจบ รับประกาศนียบัตร (e-certificate) จากกรมวิทยาศาสตร์บริการ ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมฝึกอบรมได้ที่ https://dss2.mylearntime.com/xlms_dss/portal/index.jsp


     - จัดเสวนาฟรี เรื่อง “การขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ด้วยกระบวนการกำหนดมาตรฐาน” ยกระดับการจัดทำมาตรฐานผลิตภัณฑ์ มาตรฐานชุมชน มาตรฐานวัตกรรม สู่การนำไปใช้ประโยชน์ทางการค้าในเชิงสังคมและพาณิชย์

     - ยกเว้นค่าธรรมเนียมการยื่นขอการรับรองทุกขอบข่าย ลดภาระค่าใช้จ่ายของห้องปฏิบัติการเพื่อการรับรองเพื่อการยอมรับความสามารถห้องปฏิบัติการทดสอบ (Recognized Lab) และการรับรองระบบงานห้องปฏิบัติการตามมาตรฐานสากล    

     - สมนาคุณ!! มอบวัสดุควบคุม (QC Sample) นำไปใช้ในการควบคุมคุณภาพภายในห้องปฏิบัติการ สร้างความเชื่อมมั่นของผลการทดสอบ สำหรับลูกค้าที่ร่วมกิจกรรม PT มากกว่า 6 รายการ

           นายแพทย์รุ่งเรืองฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการ/กิจกรรม ของขวัญปีใหม่ของกรมวิทย์ฯ บริการ พร้อมส่งมอบความสุขให้กับพี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการ ตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม 2567 ถึงเดือนมีนาคม 2568  ผู้สนใจรับบริการสามารถดูข้อมูลได้ที่ www.dss.go.th หรือสอบถามข้อมูลได้ที่เบอร์ 02-201 7000 

#กรมวิทยาศาสตร์บริการ #DSS #กรมวิทย์ฯบริการ #กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม #กระทรวงอว #อว #อุดมศึกษา #วิจัยและนวัตกรรม #ของขวัญปีใหม่

กระทรวงแรงงาน จัดส่งทำงานเกาหลีต่อเนื่อง ภาคเกษตร ประมง รับสมัครด่วน 23 - 24 ธ.ค. นี้

 กระทรวงแรงงาน  จัดส่งทำงานเกาหลีต่อเนื่อง ภาคเกษตร ประมง รับสมัครด่วน 23 - 24 ธ.ค. นี้

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากที่ผมได้ไปเยือนสาธารณรัฐเกาหลี ช่วงเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา เพื่อขยายตลาดแรงงานไทยในเกาหลี โดยได้มีการเจรจาเพิ่มโควตาการจัดส่งแรงงานไทย ภายใต้ระบบแรงงานต่างชาติ EPS การขยายการจัดส่งแรงงานไปทำงานยังภาคบริการ และท่องเที่ยว รวมทั้งการขยายการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานภาคเกษตรตามฤดูกาลที่เกาหลีใต้สำเร็จ นั้น กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน ได้มีการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานเกาหลีอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 (ม.ค. - พ.ย.) ได้ส่งคนหางานไปทำงานเกาหลีใต้แล้ว 6,611 คน ล่าสุด อำเภอวันโด จังหวัดชอลลานัม สาธารณรัฐเกาหลี แจ้งความต้องการรับสมัครคนไทยไปทำงานภาคเกษตรและประมงตามฤดูกาลในสาธารณรัฐเกาหลี เป็นครั้งที่ 3 จำนวน 2 ตำแหน่ง 22 อัตรา โดยผู้สนใจสามารถสมัครทางเว็บไซต์ toea.doe.go.th ภายในวันที่ 23-24 ธันวาคม 2567 ตลอด 24 ชั่วโมง

แรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานด้วยวีซ่า E – 8 ไม่ต้องทดสอบทักษะภาษาเกาหลี และผู้ที่เคยเดินทางไปทำงานแล้วยังสามารถไปซ้ำได้ในปีถัดไป เงื่อนไขนี้จะเปิดโอกาสให้คนไทยเดินทางไปทำงานเกาหลีใต้ได้มากขึ้น” รมว.พิพัฒน์ กล่าว


ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า  สำหรับตำแหน่ง และคุณสมบัติคนหางานเพื่อไปทำงานภาคเกษตรและประมงตามฤดูกาลในอำเภอวันโด จังหวัดชอลลานัม สาธารณรัฐเกาหลี ที่รับสมัครในครั้งนี้ มีจำนวน 2 ตำแหน่ง 22 อัตรา ได้แก่ คนงานเกษตรตามฤดูกาล ทำสวนผลไม้ สวนผักและพืชอื่นๆ จำนวน 12 อัตรา เพศชาย 7 อัตรา เพศหญิง 5 อัตรา ค่าจ้าง 2,096,270 วอนต่อเดือน หรือ ประมาณ 49,472 บาท ตำแหน่ง คนงานประมงตามฤดูกาล ทำงานเพาะเลี้ยงสาหร่าย จำนวน 10 อัตรา เพศชาย ค่าจ้าง 2,177,090 วอน หรือประมาณ 51,379 บาท  มีระยะเวลาการจ้างงาน 5 เดือน และสามารถขยายระยะเวลาเพิ่มได้อีก 3 เดือน โดยผู้สมัครต้องมีอายุระหว่าง 30 – 40  ปี เป็นแรงงานเกษตร หรือประมงชาวไทย ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดสตูล, สงขลา, อุดรธานี, ขอนแก่น หรือบุรีรัมย์ มาไม่น้อยกว่า 1 ปี และต้องมีประสบการณ์ด้านการเกษตรหรือประมงไม่น้อยกว่า 1 ปี มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ไม่เป็นโรคติดต่อ เช่น วัณโรค ซิฟิลิส หรือเป็นผู้ติดยาเสพติด ไม่มีภาวะตาบอดสี ไม่มีประวัติอาชญากรรม หรือมีประวัติเข้าเมืองและพำนักผิดกฎหมายในสาธารณรัฐเกาหลี ไม่เป็นคนที่ให้กำเนิดบุตรไม่เกิน 1 ปี หรืออยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ ไม่เป็นบุคคลที่ถูกห้ามเดินทางเข้าสาธารณรัฐเกาหลี


“ผู้สนใจสามารถสมัครทางเว็บไซต์ toea.doe.go.th โดยลงทะเบียนระบบอิเล็กทรอนิกส์การบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียนคนหางาน และดำเนินการสมัครไปทำงาน โดยเลือกหัวข้อ "สมัครไปทำงานโดยรัฐจัดส่ง" และเลือกรายการ "รับสมัครคนหางานเพื่อไปทำงานภาคเกษตรหรือประมงตามฤดูกาลในอำเภอวันโด จังหวัดชอลลานัม สาธารณรัฐเกาหลี (ครั้งที่ 3/2567)" ” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว


ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 หรือที่กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ ทางโทรศัพท์หมายเลข 02 245 1034 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694


กรมทางหลวงชนบท แนะนำ 7 เส้นทางเลี่ยงช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชน บรรเทาการจราจรบนถนนสายหลัก ตามนโยบายรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม “เทศกาลความสุข ทุกที่ทั่วไทย เดินทางสะดวก ปลอดภัย บนโครงข่ายคมนาคม”

 กรมทางหลวงชนบท แนะนำ 7 เส้นทางเลี่ยงช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชน บรรเทาการจราจรบนถนนสายหลัก ตามนโยบายรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม “เทศกาลความสุข ทุกที่ทั่วไทย เดินทางสะดวก ปลอดภัย บนโครงข่ายคมนาคม”

 


นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า ตามที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางให้กับประชาชน ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 ถึง 2 มกราคม 2568 ซึ่งคาดว่าประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวตามจังหวัดต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้การจราจรบนถนนสายหลักมีปริมาณสูง กรมทางหลวงชนบท (ทช.) จึงขอแนะนำเส้นทางเลี่ยง จำนวน 7 เส้นทาง ซึ่งเป็นเส้นทางเลี่ยงการจราจรหนาแน่นบนถนนสายหลัก เพื่อให้ประชาชนสามารถวางแผนก่อนการเดินทาง ดังนี้

เส้นทางเลี่ยงการจราจรถนนกัลปพฤกษ์ ถนนราชพฤกษ์ และถนนนครอินทร์

- เส้นทางเลี่ยง ทล.9 โดยเริ่มจาก ทล.9 กม.ที่ 20+600 (จุดที่ 1) เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงชนบทสาย กท.1001 (ถนนกัลปพฤกษ์) เดินทางต่อเป็นระยะทาง 7.65 กิโลเมตร จนถึง กม.ที่ 4+000 (จุดที่ 2) เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงชนบทสาย นบ.3021 (ถนนราชพฤกษ์) เดินทางต่อเป็นระยะทาง 9.5 กิโลเมตร จนถึง กม.ที่ 16+500 (จุดที่ 3) เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงชนบทสาย นบ.1020 (ถนนนครอินทร์) กม.ที่ 7+600 เดินทางต่อเป็นระยะทาง 8 กิโลเมตร (จุดที่ 6) จะบรรจบกับ ทล.306 เพื่อเดินทางเข้าสู่ถนนติวานนท์ต่อไป

- เส้นทางเลี่ยง ทล.9 และ ทล.306 เริ่มจาก ทล.9 กม.ที่ 20+600 (จุดที่ 1) เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงชนบทสาย กท.1001 (ถนนกัลปพฤกษ์) เดินทางต่อเป็นระยะทาง 7.65 กิโลเมตร จนถึง กม.ที่ 4+000 (จุดที่ 2) เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงชนบทสาย นบ.3021 (ถนนราชพฤกษ์) เดินทางต่อเป็นระยะทาง 18 กิโลเมตร จนถึง กม.ที่ 28+000 (จุดที่ 4) เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงชนบทสาย นบ.3030 (ถนนชัยพฤกษ์) เดินทางต่อเป็นระยะทาง 7 กิโลเมตร (จุดที่ 7) จะบรรจบกับ ทล.304 เพื่อเดินทางเข้าสู่ถนนแจ้งวัฒนะต่อไป


- เส้นทางเลี่ยง ทล.9 และ ทล.345 เริ่มจาก ทล.9 กม.ที่ 20+600 (จุดที่ 1) เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงชนบทสาย กท.1001 (ถนนกัลปพฤกษ์) เดินทางต่อเป็นระยะทาง 7.65 กิโลเมตร จนถึง กม.ที่ 4+000 (จุดที่ 2) เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงชนบท   สาย นบ.3021 (ถนนราชพฤกษ์) เดินทางต่อเป็นระยะทาง 37 กิโลเมตร จะบรรจบกับ ทล.346 กม.ที่ 14+120 (จุดที่ 5) เพื่อเดินทางเข้าสู่จังหวัดปทุมธานีต่อไป


เส้นทางเลี่ยงการจราจรจังหวัดนครราชสีมา

- เส้นทางเลี่ยง ทล.2 (ถนนมิตรภาพ) เริ่มจาก ทล.2 กม.ที่ 102+135 เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ ทล.201 เดินทางต่อเป็นระยะทาง 41 กิโลเมตร จนถึง กม.ที่ 41+000 เลี้ยวขวาเข้าสู่ ทล.2148 เดินทางต่อเป็นระยะทาง 3.4 กิโลเมตร จนถึง กม.ที่ 3+400 เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงชนบทสาย นม.4008 เดินทางต่อเป็นระยะทาง 23.1 กิโลเมตร จะบรรจบกับ ทล.2369 เดินทางต่อเป็นระยะทาง 30.8 กิโลเมตร จนถึง กม.ที่ 30+800 เข้าสู่ ทล.2246 เดินทางต่อเป็นระยะทาง 65.5 กิโลเมตร จะบรรจบกับ ทล.2 กม.ที่ 257+65 เลี้ยวซ้าย เพื่อเดินทางมุ่งสู่จังหวัดขอนแก่น


เส้นทางเลี่ยงการจราจรจังหวัดสมุทรสงคราม - จังหวัดเพชรบุรี

- เส้นทางเลี่ยง ทล.4 (ถนนเพชรเกษม) เริ่มจาก ทล.35 กม.ที่ 73+070 (จุดที่ 1) เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงชนบทสาย สส.2021 เดินทางต่อเป็นระยะทาง 23.7 กิโลเมตร จนถึง กม.ที่ 23+700 เลี้ยวขวาเข้าสู่ ทล.3176 (จุดที่ 2) เดินทางต่อเป็นระยะทาง 12.6 กิโลเมตร เพื่อเข้าสู่จังหวัดเพชรบุรี (จุดที่ 3) และสามารถเลี่ยงการจราจรจากจังหวัดเพชรบุรีไปยังอำเภอชะอำ โดยเริ่มจากทางหลวงชนบทสาย สส.2021 (จุดที่ 2) เดินทางต่อเป็นระยะทาง 36.3 กิโลเมตร จนถึง กม.ที่ 60+000 เลี้ยวขวาเข้าสู่ ทล.3187 (จุดที่ 4) เดินทางต่อเป็นระยะทาง 18.5 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ ทล.4 กม.ที่ 169+070 (จุดที่ 5) เพื่อมุ่งสู่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี

เส้นทางเลี่ยงการจราจรจังหวัดสระบุรี - จังหวัดปราจีนบุรี

- เริ่มจาก ทล.2 (ถนนมิตรภาพ) กม.ที่ 36+000 เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงชนบทสาย นม.1016 เดินทางต่อเป็นระยะทาง 27 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าสู่ ทล.2090 กม.ที่ 20+340 เดินทางต่อเป็นระยะทาง 2.9 กิโลเมตร จนถึง กม.ที่ 23+240 เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงชนบทสาย นม.3052 เดินทางต่อเป็นระยะทาง 70 กิโลเมตร จะบรรจบกับ ทล.304 กม.ที่ 55+000 มุ่งสู่อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี


เส้นทางเลี่ยงการจราจรจังหวัดสระบุรี

- เริ่มจาก ทล.1 (ถนนพหลโยธิน) กม.ที่ 80+000 ใช้เส้นทางคู่ขนานไปบรรจบกับ ทล.3220 กม.ที่ 83+800 เดินทางต่อเป็นระยะทาง 1.5 กิโลเมตร บรรจบกับทางหลวงชนบทสาย สบ.4051 เดินทางต่อเป็นระยะทาง 3 กิโลเมตร บรรจบกับทางหลวงชนบท สาย สบ.3021 เดินทางต่อเป็นระยะทาง 19 กิโลเมตร วิ่งตรงผ่านไฟแดง ไปจนบรรจบกับ ทล.362 กม.ที่ 3+290 แล้วเลี้ยวซ้ายมุ่งสู่จังหวัดลพบุรีและจังหวัดเพชรบูรณ์ต่อไป


เส้นทางเลี่ยงจราจรจังหวัดนครปฐม - จังหวัดนครสวรรค์

- ใช้ ทล.321 เดินทางต่อเป็นระยะทาง 75 กิโลเมตร ตรงไปยัง ทล.333 เดินทางต่อไปเป็นระยะทาง 17 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงชนบทสาย สพ.4059 เดินทางต่อเป็นระยะทาง 15 กิโลเมตร ตรงไปเพื่อเข้าสู่ ทล.3496 เป็นระยะทาง 27 กิโลเมตร และตรงไปบนทางหลวงชนบทสาย ชน.4054 เป็นระยะทาง 44 กิโลเมตร จนถึงอำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ซึ่งสามารถเดินทางไปจังหวัดอุทัยธานี จังหวัดนครสวรรค์ และมุ่งหน้าสู่ภาคเหนือต่อไป

เส้นทางเลี่ยงการจราจรจังหวัดสิงห์บุรี - จังหวัดชัยนาท

- เส้นทางเลี่ยง ทล.32 เริ่มจาก ทล.32 กม.ที่ 87+800 เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ ทล.335 และ ทล.369 เดินทางต่อเป็นระยะทาง 4 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าสู่ ทล.3030 กม.ที่ 1+000 เดินทางต่อเป็นระยะทาง 9.8 กิโลเมตร บรรจบกับทางหลวงชนบทสาย สห.4035 เดินทางต่อเป็นระยะทาง 7.3 กิโลเมตร บรรจบกับทางหลวงชนบทสาย สห.5040 เดินทางต่อเป็นระยะทาง 4.6 กิโลเมตร บรรจบกับทางหลวงชนบทสาย ชน.4050 เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ ทล.3183 กม.ที่ 3+730 เดินทางต่อเป็นระยะทาง 1.6 กิโลเมตร และเลี้ยวขวาเข้าสู่ ทล.340 กม.ที่ 160+610 เพื่อเดินทางเข้าสู่จังหวัดชัยนาท

 


นอกจากนี้ ทช. ได้ดำเนินการติดตั้งป้ายแนะนำเส้นทางเลี่ยงตามโครงข่ายทางหลวงชนบท เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วในการเดินทางให้กับประชาชน ทั้งนี้ หากต้องการความช่วยเหลือหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงชนบทในพื้นที่ หรือสายด่วน กรมทางหลวงชนบท โทร. 1146

วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2567

NSM ฉลองครบรอบ 10 ปี กับโครงการ “Research show by Naturalist 2025”สร้างแรงบันดาลใจจากกิจกรรมพบนักวิจัยขั้วโลกและนักธรรมชาติวิทยาชั้นนำ

 NSM ฉลองครบรอบ 10 ปี กับโครงการ “Research show by Naturalist 2025”สร้างแรงบันดาลใจจากกิจกรรมพบนักวิจัยขั้วโลกและนักธรรมชาติวิทยาชั้นนำ


21 ธันวาคม 2567 / ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) หรือ NSM กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมด้วย ศ.ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และนายสุวรงค์ วงษ์ศิริ รองผู้อำนวยการ NSM พร้อมนักวิจัยขั้วโลกและนักธรรมชาติวิทยา ร่วมเปิดตัวโครงการ Research show by Naturalist 2025 เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปี จัดเต็มความพิเศษ 2 หัวข้อ กับ “Research Insight: ล้วงลึกงานวิจัยลับ” และ “Miracle of Polar: มหัศจรรย์แห่งขั้วโลก” ที่ชวนเจาะลึกเรื่องราวของนักธรรมชาติวิทยาและนักวิจัยขั้วโลกภายใต้โครงการวิจัยขั้วโลกตามพระราชดำริฯตัวจริงแบบใกล้ชิด มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์และสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนและประชาชนผ่านงานวิจัย นำไปสู่การจุดประกายให้เยาวชนคนรุ่นใหม่หันมาสนใจงานด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติต่อไป ณ พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า อพวช. ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 


ผศ.ดร.รวิน กล่าวว่า “องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์นับเป็นกลไกสำคัญอย่างหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศชาติให้พัฒนาเจริญก้าวหน้า โดยรัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐได้เล็งเห็นถึงความสำคัญจึงได้สนับสนุนโครงการวิจัยต่าง ๆ มากมายให้แก่นักวิจัย ในการค้นคว้า ค้นหาองค์ความรู้ใหม่ ๆ เพื่อนำมาเสริมสร้างศักยภาพในการพัฒนาประเทศในมิติต่าง ๆ เช่น ด้านสังคม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจ ซึ่งองค์ความรู้เหล่านี้จะถูกนำมาถ่ายทอดไปสู่สาธารณะผ่านโครงการ “Research show by Naturalist 2025” ซึ่งในปี2568 ถือเป็นโอกาสพิเศษที่เราจะได้ร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีของการจัดกิจกรรมนี้ นอกจากจะมีการถ่ายทอดองค์ความรู้จากนักธรรมชาติวิทยาของ อพวช. แล้ว ครั้งนี้เรายังได้รับความร่วมมือจาก มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ส่งนักวิจัยขั้วโลกมาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์และสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนผ่านงานวิจัยขั้วโลก ซึ่งถือว่าเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากในการได้พบนักวิจัยขั้วโลกตัวจริง นับเป็นกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่มีคุณค่าและได้ตระหนักถึงความสำคัญของวิทยาศาสตร์และธรรมชาติวิทยาในหลากหลายมิติอีกด้วย พร้อมจะเป็นแรงผลักดันให้ก้าวเข้าสู่เส้นทางนักธรรมชาติวิทยาต่อไปในอนาคต


ในปีนี้โครงการ “Research Show by Naturalist 2025” ได้กำหนดจัดขึ้นทั้งหมด 2 หัวข้อ ได้แก่ หัวข้อ “Research Insight: ล้วงลึกงานวิจัยลับ” ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการกระตุ้นให้เยาวชนและประชาชนเห็นถึงความสำคัญของงานวิจัยด้านธรรมชาติที่นักธรรมชาติวิทยาค้นพบ โดยมีการนำเสนอ 12 เรื่อง เช่น Echino & Friend, Fronds Insight, E-Sarn Frogs และ New Ginger, New Discovery ฯลฯ และอีกหนึ่งหัวข้อคือ “Miracle of Polar: มหัศจรรย์แห่งขั้วโลก” ซึ่งได้รับเกียรติจากนักวิจัยขั้วโลกภายใต้โครงการวิจัยขั้วโลกตามพระราชดำริฯจากมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่จะมาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์และสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนและประชาชนผ่านงานวิจัยขั้วโลก โดยมีการนำเสนอ 12 เรื่อง เช่น มหาสมุทรสุดขอบใต้ (Ocean at the South Edge), ผลกระทบของภาวะโลกร้อนต่อสัตว์ขั้วโลก (Impacts of global warming on polar animals) และหินขั้วโลก: เครื่องบันทึกเหตุการณ์โลก (Polar Rocks: An Earth Recorder) ฯลฯ 

ศ.ดร.ไพรัช กล่าวว่า “สืบเนื่องจากมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ดำเนินโครงการวิจัยขั้วโลก ตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงพระราชดำริ ให้นักวิจัยไทยเข้าร่วมการศึกษาวิจัยวิทยาศาสตร์ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ เพื่อพัฒนาความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ขั้วโลกของประเทศให้ทัดเทียมกับนานาชาติ โดยมี นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย และนักวิชาการของไทย เดินทางไปศึกษาและทำวิจัยภายใต้โครงการฯ ในพื้นที่ทวีปแอนตาร์กติก จำนวน 20 พระองค์/คน และอาร์กติก 2 คน มูลนิธิฯ จึงเล็งเห็นถึงความร่วมมือกัน กับ อพวช. ในการสนับสนุนนักวิจัยชั้นนำระดับประเทศ ได้ร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับเยาวชนและประชาชนผ่านงานวิจัยที่น่าสนใจ ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่พิเศษในการครบ 10 ปีของการจัดกิจกรรม Research Show by Naturalist  และยังเป็นปีที่ครบรอบ 32 ปี ที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดำเนินเยือนทวีปแอนตาร์กติกอีกด้วย 

นับเป็นโอกาสอันดีที่ทำให้เยาวชนฯ รับทราบเรื่องราวประสบการณ์ที่ได้เดินทางไปทำวิจัยที่ขั้วโลก เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ได้รู้จักขั้วโลกในมุมมองที่ไม่เคยเห็นผ่านการนำเสนอของนักวิจัย และทราบถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่มีต่อการศึกษาวิจัยในพื้นที่ขั้วโลกและได้นำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในเรื่องที่เกี่ยวกับภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ นำไปสู่การเผยแพร่ต่อสาธารณะเป็นวงกว้างต่อไป”


สำหรับกิจกรรมฯ ดังกล่าว ในหัวข้อ “Research Insight: ล้วงลึกงานวิจัยลับ” จะจัดขึ้นทุกวันเสาร์ที่ 1 ของเดือนในปี 2568 และ หัวข้อ Miracle of Polar: มหัศจรรย์แห่งขั้วโลก” จะจัดขึ้นทุกวันเสาร์ที่ 3 ของเดือนตลอดปี 2568 เช่นเดียวกัน โดยจะเริ่มกิจกรรมครั้งแรกในวันเสาร์ที่ 4 มกราคม 2568 เรื่อง Echino & Friend นำเสนองานวิจัยในเชิงนิเวศ ถึงความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์กลุ่มดาวทะเล เม่นทะเล ปลิงทะเล กับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ ที่เข้ามาอาศัยอยู่ร่วมกัน และเกิดการได้ประโยชน์การอยู่ร่วมกัน โดย ดร.อารมณ์ มุจรินทร์ และในวันเสาร์ที่  18 มกราคม 2568 Impacts of global warming on polar animals ผลกระทบของภาวะโลกร้อนต่อสัตว์ขั้วโลก โดย ศ.ดร.สุชนา ชวนิชย์ ณ พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า อพวช. ต.คลองห้า อ.คลองหลวง   จ.ปทุมธานี สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ Facebook: พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา (Natural History Museum) 

”พิพัฒน์“ อบรม AI บุคลากรรัฐ เปลี่ยนกระทรวงสู่ยุคAI บริการหางาน พัฒนาฝีมือ แจ้งข้อร้องเรียน รับสิทธิประกันสังคม ให้สะดวก รวดเร็วขึ้น

 ”พิพัฒน์“  อบรม AI บุคลากรรัฐ เปลี่ยนกระทรวงสู่ยุคAI บริการหางาน พัฒนาฝีมือ แจ้งข้อร้องเรียน รับสิทธิประกันสังคม ให้สะดวก รวดเร็วขึ้น


วันที่ 23 ธันวาคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในงานการประชาสัมพันธ์ด้านปัญญาประดิษฐ์และการนำไปใช้สำหรับบุคลากรภาครัฐ (Kick off Artificial Intelligence Literacy for Government officer) รวมทั้งกล่าวปาฐกถา หัวข้อ “ปรับเปลี่ยนกระทรวงแรงงานสู่ยุค AI Transformation” เพื่อปูพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับ AI สร้างทักษะการใช้งานเครื่องมือ AI และส่งเสริมการประยุกต์ใช้ AI ของบุคลากรกระทรวงแรงงาน โดยมีผู้บริหารกระทรวงแรงงาน หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน นางสาวบุณยวีร์ ไขว้พันธุ์ และ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ ร่วมพิธีเปิด ณ ห้องประชุม ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า วันนี้ (23 ธ.ค. 67) กระทรวงแรงงานกำลังเผชิญกับ ความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ของเทคโนโลยีดิจิทัลที่ปัจจุบันเข้ามามีบทบาทในการปฏิบัติงานของบุคลากรเป็นอย่างมาก ทำให้ต้องมีการปรับตัวและพัฒนาทักษะบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตามนโยบายของกระทรวงแรงงาน เพื่อให้ก้าวทันต่อเทคโนโลยี




ซึ่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้จัดโครงการนี้ขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักรู้ด้านสถานการณ์ การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการทำงานของภาครัฐ และพัฒนาทักษะบุคลากรให้สามารถนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์



(AI) ไปใช้ในการทำงานเพื่อเตรียมก้าวสู่องค์กร

ดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวก ช่วยเหลือพี่น้องแรงงาน และประชาชนได้อย่างรวดเร็วอย่างมีประสิทธิภาพ  เช่น กรมการจัดหางาน Matching เข้าสู่ตำแหน่งงานได้ง่ายขึ้น กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สามารถทำหลักสูตรได้แม่นยำตามความต้องการของผู้ประกอบการ กรมสวัสดิการฯ ทำให้กระบวนการคุ้มครองแรงงาน จัดการข้อร้องเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกันสังคม เข้าถึงสิทธิผู้ประกันตนได้อย่างรวดเร็ว สสปท. ช่วยเพิ่มความปลอดภัย สามารถชี้จุดเสี่ยงสารอันตรายได้ตรงจุด แม่นยำ เป็นต้น

ด้านนายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกิจกรรมในวันนี้มีการเสวนาในหัวข้อ  “AI Transformation in Action กับวิสัยทัศน์ผู้นำองค์กรภาครัฐ” โดยวิทยากรพิเศษด้าน Digital Transformation และบรรยายในหัวข้อ “Magic of AI  การนำ AI ไปใช้ในหน่วยงานภาครัฐ"  จากนายซันนี่ จาวลา Youtuber สายไอที ช่อง Sunnylogy  นอกจากนี้ ยังมีบูธนิทรรศการดิจิทัลที่น่าสนใจจากพันธมิตรภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท บิซิเนส ออนไลน์ จำกัด (มหาชน) บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) บริษัท บิทคับ แคปปิดอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (Bikub Acaderry)  สถาบันพัฒนากำลังพลดิจิทัล มูลนิธิเพื่อการพัฒนาดิจิทัล สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย ICDL THAILAND และสมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย








และหลังจากนี้กรมฯ ยังมีแผนการจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จำนวน 4 รุ่น รวมทั้งสิ้น 200 คน โดย รุ่นที่ 1 เดือนมกราคม รุ่นที่ 2 เดือนมีนาคม  รุ่นที่ 3 เดือนพฤษภาคม รุ่นที่ 4 เดือนมิถุนายน 2568  ผู้ผ่านการฝึกอบรมจะได้รับความรู้ใหม่ ๆด้าน AI ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนและบริหารจัดการงานในภาครัฐให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานปล่อยขบวนรถอำนวยความปลอดภัย เทศกาลปีใหม่ 2568 ของกรมทางหลวงชนบท “เดินทาง สะดวก ปลอดภัย กรมทางหลวงชนบท ใส่ใจทุกเส้นทาง”

 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานปล่อยขบวนรถอำนวยความปลอดภัย เทศกาลปีใหม่ 2568 ของกรมทางหลวงชนบท “เดินทาง สะดวก ปลอดภัย กรมทางหลวงชนบท ใส่ใจทุกเส้นทาง”



 


วันนี้ (22 ธ.ค. 67) นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในการปล่อยขบวนรถอำนวยความปลอดภัยช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ของกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นอุ่นใจในการเดินทางให้กับประชาชนตลอดช่วงเทศกาล ภายใต้หัวข้อ “เดินทาง สะดวก ปลอดภัย กรมทางหลวงชนบท ใส่ใจทุกเส้นทาง” โดยมีนายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารระดับสูงและหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท คณะผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงชนบท และสื่อมวลชน 

เข้าร่วมงาน ณ บริเวณถนนทางหลวงชนบทสาย มห.3019 อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร

 





นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า ตามที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคม เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 โดยได้กำหนดเป้าหมายให้ทุกหน่วยงานขับเคลื่อนแผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัยให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้การรณรงค์ “เทศกาลความสุข ทุกที่ทั่วไทย เดินทางสะดวก ปลอดภัย บนโครงข่ายคมนาคม” ซึ่ง ทช. ได้น้อมรับนโยบายดังกล่าวมาสู่การปฏิบัติ โดยได้กำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน อาทิ การจัดตั้งศูนย์ความปลอดภัย หน่วยบริการประชาชนทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จัดเจ้าหน้าที่ประจำการสายด่วน ทช. 1146 ระบบ CCTV ระบบวิทยุสื่อสาร และระบบ Conference ตลอดจนจัดชุดตรวจการณ์เฝ้าระวังอุบัติเหตุอำนวยความสะดวกและปลอดภัยแก่ผู้ใช้ทาง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสายทาง ติดตั้งสัญญาณไฟวับวาบบริเวณจุดเสี่ยงอันตรายและเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง








โอกาสนี้ กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม ร่วมส่งทุกท่านเดินทางกลับบ้านปลอดภัยถึงบ้านอย่างมีความสุข ควรตรวจเช็คสภาพรถก่อนออกเดินทางเพื่อความปลอดภัยของท่านและใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ ไม่ประมาท เมาไม่ขับคาดเข็มขัดนิรภัย และสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งก่อนใช้รถ ทั้งนี้ สามารถติดต่อสอบถามเส้นทางเลี่ยงของกรมทางหลวงชนบทได้ที่ สายด่วนกรมทางหลวงชนบท โทร. 1146

วว. ร่วมมือ บริษัทฟินิส เวล เมนูเฟคเจอริ่งฯ ส่งเสริมพัฒนางานวิจัยวิทยาศาสตร์นวัตกรรมวัสดุแม่เหล็กขั้นสูง

  วว. ร่วมมือ บริษัทฟินิส เวล เมนูเฟคเจอริ่งฯ ส่งเสริมพัฒนางานวิจัยวิทยาศาสตร์นวัตกรรมวัสดุแม่เหล็กขั้นสูง  วันนี้ ( 23 ธันวาคม 2567)  ผศ.ดร...