วันเสาร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2568

กรมทะเล เผยข่าวดีรับปีใหม่ แม่เต่ามะเฟืองขึ้นวางไข่รังแรก!! ของฤดูกาล ปี 67-68

 กรมทะเล เผยข่าวดีรับปีใหม่ แม่เต่ามะเฟืองขึ้นวางไข่รังแรก!! ของฤดูกาล ปี 67-68



  










  วันที่ 3 มกราคม 2568  ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เผยหลังได้รับรายงานจากสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 (สทช.6) ว่าได้รับแจ้งจาก นายธนันชัย เลขาวุธ ราษฎรท้องที่ ต.เกาะพระทอง พบร่องรอยการขึ้นวางไข่ของเต่าทะเล บริเวณชายหาดทุ่งดาบ ม.1 ต.เกาะพระทอง อ.คุระบุรี จ.พังงา เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโดยให้ประสานการปฏิบัติงานกับนักวิชาการกลุ่มสัตว์ทะเลหายากใกล้สูญพันธ์ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน (ศวอบ.) ซึ่งจากการตรวจสอบพบร่องรอยเต่าทะเลบริเวณชายหาดแต่มีสภาพเลือนไม่สมบูรณ์ พื้นที่บริเวณหลุมมีร่องรอยการขุดหาไข่ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจวัดความกว้างรอยพายคู่หน้า มีขนาด 165 ซม. ขนาดอกกว้าง 78 ซม. และขุดหาไข่จนพบไข่เต่าที่ระดับความลึก 65 ซม. ตรวจวัดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไข่ได้ 5.52 ซม. ตำแหน่งวางไข่ พิกัด UTM ระบบ WGS 84  417382 E 998689 N  ซึ่งอยู่ในแนวน้ำทะเลท่วมถึงและมีต้นไม้อยู่ใกล้ซึ่งจะส่งผลต่อหลุมฟักไข่ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างไกลรถยนต์เข้าไม่ถึงซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการเฝ้าระวังดูแลและการจัดเก็บข้อมูลด้านวิชาการ จึงประสานปรึกษากับนักวิชาการกลุ่มสัตว์ทะเลหายากใกล้สูญพันธ์ ศวอบ. และมีความเห็นร่วมกันให้ย้ายไข่เต่านำไปฟักและเฝ้าระวังดูแล บริเวณหาดคึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เต่ามะเฟืองเคยขึ้นมาวางไข่  เจ้าหน้าที่จึงทำการย้ายไข่พร้อมตรวจนับไข่ทั้งหมดได้รวมจำนวน 127 ฟอง ไข่ดี 82 ฟอง ไข่ลม 44 ฟอง และพบไข่แตกในหลุม 1 ฟอง จากนั้นจึงนำไข่ดีมาขุดหลุมฟักบริเวณหาดคึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา จัดทำคอกชั่วคราวเพื่อป้องกันภัยคุกคามตามธรรมชาติ  ซึ่ง สทช.6 จะได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังดูแลหลุมฟักไข่เต่าจนกว่าลูกเต่าจะฟักและลงสู่ทะเลได้อย่างปลอดภัย ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 55-60 วัน พร้อมทั้งได้ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ผู้ที่จะเข้ามาเยี่ยมชมหลุมฟักไข่เต่า การขึ้นวางไข่ของแม่เต่ามะเฟืองครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของฤดูกาล ปลายปี 2567 ถึงต้นปี 2568 ซึ่ง ช่วงฤดูเต่าวางไข่ในอันดามันตั้งแต่เดือน ต.ค.-ก.พ. เป็นการสะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในบ้านเรา จึงอยากฝากพี่น้องประชาชนทุกคนร่วมด้วยช่วยกันดูแลทะเล ชายหาด และชายฝั่งของไทย อันเป็นบ้านของสัตว์ทะเลเหล่านี้ ไม่ให้สูญพันธุ์ไป และหากพบเห็นสัตว์ทะเลหายากเกยตื้น หรือมีเหตุฉุกเฉินให้รีบแจ้งกรม ทช. หรือสายด่วน 1362 หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นเพื่อประสานหน่วยงานมาที่กรม ทช. ในแต่ละพื้นที่ต่อไป อธิบดี ปิ่นสักก์ กล่าว 

วันศุกร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2568

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าโวย สสส. ลักไก่ชงแบนบุหรี่ไฟฟ้าเข้า ครม.หวังตัดหน้ารายงาน กมธ. วิสามัญ หลังรู้ผลแพ้โหวตใน กมธ.

 เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าโวย สสส. ลักไก่ชงแบนบุหรี่ไฟฟ้าเข้า ครม.หวังตัดหน้ารายงาน กมธ. วิสามัญ หลังรู้ผลแพ้โหวตใน กมธ.


เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า โวย สสส. เตรียมเสนอ ครม. คงการแบนบุหรี่ไฟฟ้ารับวันเด็ก หลัง กมธ. วิสามัญแถลงจบรายงาน เตรียมเสนอเข้าสภาฯ ก่อนส่ง ครม. พิจารณา เนื่องจากเสียงข้างมากหนุนออกกฎหมายควบคุมแทนการแบน เผย NGO หวังใช้ สสส. ชงวาระเข้า ครม. ตัดหน้ารายงานของสภาฯ ชี้ สสส. ควรเคารพการทำงานของ กมธ. และสภาฯ ขณะที่ ครม. ควรรอพิจารณารายงานของ กมธ. ก่อนมีมติใดๆ  

นายสาริษฏ์ สิทธิเสรีชน เจ้าของเฟซบุ๊กเพจ “มนุษย์ควัน” ที่มีผู้ติดตามกว่า 2.6 หมื่นคน  แสดงความไม่เห็นด้วยกรณีที่ประชุมคณะกรรมการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เตรียมนำความเห็นมาตรการป้องกันการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าโดยให้เร่งบังคับใช้กฎหมายห้ามนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เสนอนายกรัฐมนตรีว่า 

มีรายงานข่าวว่าคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยเพิ่งจะทำการศึกษาเรื่องนี้เสร็จสิ้น และเตรียมนำรายงานที่เสนอแนวทางใน 3 แนวทางให้กับสภาฯ รับรองเพื่อนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งเครือข่ายของ สสส. หลายท่านหลายหน่วยงานก็ได้เข้าไปชี้แจงและให้ข้อมูลกับ กมธ. ด้วย แต่พอทราบว่าเสียงส่วนใหญ่ไม่สนับสนุนแนวทางให้คงการแบนไว้ ท่านก็ออกมาขับเคลื่อนคัดค้านทุกรูปแบบรวมทั้งการใช้วาระซ่อนเร้นในช่วงวันเด็กในลักษณะนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และแสดงถึงความไม่เคารพต่อการทำงานระบบสภาและประชาธิปไตย

ปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ผิดกฎหมายอยู่แล้ว แต่เราก็เห็นว่าสถานการณ์กลับยิ่งเลวร้าย เด็กทุกวันนี้สามารถซื้อบุหรี่ไฟฟ้าได้ง่ายมาก ร้านค้าออนไลน์หรือร้านบุหรี่ไฟฟ้าขายสินค้าโดยไม่มีการตรวจบัตรประชาชน ไม่มีความเกรงกลัวกฎหมาย ต่างกับกรณีของบุหรี่มวนที่มีกฎหมายควบคุมอย่างเคร่งครัดทำให้ร้านค้าไม่กล้ากระทำผิด หากเด็กเดินเข้าไปซื้อจะถูกตรวจบัตร และเด็กเองก็ไม่กล้าซื้อ” นายสาริษฏ์ กล่าว พร้อมยกตัวอย่างประเทศสหรัฐอเมริกา ที่กฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าช่วยลดการใช้ในกลุ่มเยาวชนอย่างมีประสิทธิภาพ 

ก่อนหน้านี้ ดร.ไบรอัน คิงส์ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ องค์การอาหารและยา (FDA) สหรัฐฯ เขียนบทความชื่นชมการใช้กฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา ซึ่งช่วยให้การใช้ยาสูบในกลุ่มเยาวชนลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 25 ปี โดยเฉพาะการใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่ลดลงอย่างมากในรอบ 10 ปี





กรมการจัดหางาน เปิดรับสมัคร ชายไทยไปทำงานภาคเกษตรที่อิสราเอล ผ่านโครงการ “TIC” ครั้งที่ 18 เน้นทำงานในพื้นที่ปลอดภัย

 กรมการจัดหางาน  เปิดรับสมัคร ชายไทยไปทำงานภาคเกษตรที่อิสราเอล ผ่านโครงการ “TIC” ครั้งที่ 18 เน้นทำงานในพื้นที่ปลอดภัย

กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน เปิดรับสมัครคนหางานเพื่อไปทำงานภาคเกษตรในรัฐอิสราเอล ภายใต้โครงการ “ความร่วมมือไทย – อิสราเอลเพื่อการจัดหางาน” (TIC) ครั้งที่ 18 ทางเว็บไซต์ toea.doe.go.th  ระหว่างวันที่  4 - 8 มกราคม 2568 ตลอด 24 ชั่วโมง

นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน เปิดรับสมัครเพื่อคัดเลือกคนหางานไปทำงานภาคเกษตรในรัฐอิสราเอล ภายใต้โครงการ “ความร่วมมือไทย – อิสราเอลเพื่อการจัดหางาน” (Thailand-Israel Cooperation on the Placement of Workers : TIC) ครั้งที่ 18 ตำแหน่งคนงานภาคเกษตร (เพศชาย) ซึ่งมีระยะเวลาการจ้างงานตามสัญญาจ้าง 2 ปี ต่อได้ไม่เกิน 5 ปี 3 เดือน โดยคนหางานจะได้รับเงินเดือนขั้นต่ำก่อนหักภาษีเดือนละ 5,880 เชคเกลอิสราเอล หรือ ประมาณ 52,920 บาท

ทั้งนี้ กรมการจัดหางานจะพิจารณาส่งแรงงานไปทำงานในพื้นที่ที่ประกาศให้เป็นพื้นที่สีเขียวเท่านั้น เพื่อเน้นความปลอดภัยของแรงงานเป็นสำคัญ โดยผู้ที่สนใจสามารถสมัครผ่านเว็บไซต์ toea.doe.go.th เพื่อทำการลงทะเบียนในระบบอิเล็กทรอนิกส์ การบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ ได้ตั้งแต่วันที่ 4 – 8 มกราคม 2568 ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการ

นายสมชาย กล่าวว่า สำหรับคุณสมบัติของผู้สมัครงานครั้งนี้ มีดังนี้

1.เพศชาย สัญชาติไทย

2.พ้นภาระการรับราชการทหาร

3.อายุ 23 – 39 ปี (เกิดระหว่างวันที่ 4 มกราคม 2529 – 8 มกราคม 2545)

4.ไม่มีประวัติอาชญากรรม ประวัติการใช้ยาเสพติด และติดแอลกอฮอล์

5.ไม่เคยทำงานในประเทศอิสราเอล ไม่มีคู่สมรส บุตร หรือบิดาและมารดาพำนักอยู่ในประเทศอิสราเอล

6.สุขภาพแข็งแรง ตาไม่บอดสี ไม่เป็นโรคติดต่อ ไม่เสพสารเสพติด หรือเสพติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

7.ต้องมีประสบการณ์ทำงานภาคการเกษตร

การรับสมัครในครั้งนี้เป็นการดำเนินการเพื่อจัดส่งคนหางานไปทำงานต่างประเทศ โดยวิธีรัฐจัดส่ง ผู้สมัครไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายในการสมัคร เว้นแต่ค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางไปทำงานในรัฐอิสราเอล ในกรณีที่ได้รับการคัดเลือก โดยมีค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนเงินประมาณ 87,650 บาท (ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน) แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1.ค่าใช้จ่ายก่อนเดินทาง เช่น ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมค่าธรรมเนียมการขอรับหนังสือเดินทาง ค่าตรวจสุขภาพ ค่าบัตรโดยสารเครื่องบินเที่ยวเดียวจากประเทศไทยไปยังอิสราเอล ค่าสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศตามที่กระทรวงแรงงานกำหนด เป็นต้น และ 2.ค่าใช้จ่ายหลังจากเดินทางไปถึงตามกฎหมายแห่งรัฐอิสราเอล หากมีผู้แอบอ้างว่าสามารถช่วยเหลือให้ได้รับการคัดเลือกเพื่อไปทำงานภาคเกษตรในประเทศอิสราเอลได้ โปรดอย่าหลงเชื่อ แต่ขอให้แจ้งและตรวจสอบข้อมูลกับกรมการจัดหางานก่อน” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดการสมัครกำหนดการและวิธีการรับสมัครได้ที่เว็บไซต์กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ doe.go.th/overseas หัวข้อ “ข่าวประกาศรับสมัคร” หรือ Facebook : กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กรณีผู้สมัครไม่สามารถดำเนินการด้วยตนเองสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดหรือสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 เพื่อดำเนินการสมัครให้ โดยหากต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อได้ที่กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ ทางโทรศัพท์หมายเลข 02-245-0978 และ 08-0061-6576 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694 


องค์การอนามัยโลก (WHO) ให้การรับรองสถานที่ผลิต “ยา EFAVIRENZ TABLETS 600 MG” ของ องค์การเภสัชกรรม ตามมาตรฐานสากล WHO Prequalification Program (WHO PQ) ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 และยังคงอยู่ใน WHO Prequalified List บนเว็บไซต์ของ WHO

 องค์การอนามัยโลก (WHO) ให้การรับรองสถานที่ผลิต “ยา EFAVIRENZ TABLETS 600 MG” ของ องค์การเภสัชกรรม ตามมาตรฐานสากล WHO Prequalification Program (WHO PQ) ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 และยังคงอยู่ใน WHO Prequalified List บนเว็บไซต์ของ WHO

​พญ.มิ่งขวัญ สุพรรณพงศ์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2568 องค์การอนามัยโลก (WHO) กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้สรุปผลการตรวจประเมินและให้การรับรองมาตรฐานสากล WHO Prequalification Program (WHO PQ) ให้กับสถานที่ผลิตยา Efavirenz Tablets 600 mg ขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) ซึ่งผลิตที่โรงงานผลิตยารังสิต 1 คลอง 10 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นับเป็นยารายการแรกของประเทศไทยและเป็นประเทศเดียวในกลุ่มประเทศสมาชิกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่ได้รับรองมาตรฐานสากลดังกล่าว ทำให้คนไทยเข้าถึงยาชื่อสามัญที่มีประสิทธิผลการรักษาเทียบเท่ายาต้นแบบได้มากขึ้น ซึ่งครั้งนี้เป็นการตรวจประเมินสถานที่ผลิตยาครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 12-16 สิงหาคม 2567 ตามกำหนดการขององค์การอนามัยโลก เพื่อติดตามความสอดคล้องตามมาตรฐานและข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลกในโปรแกรมการขอรับรอง WHO PQ ซึ่งต้องตรวจประเมินทั้งอาคารสถานที่ กระบวนการผลิต ระบบสนับสนุนการผลิต ระบบห้องปฏิบัติการการตรวจสอบ และที่สำคัญที่สุดคือระบบบริหารจัดการคุณภาพของโรงงาน โดยมีระยะเวลาการรับรองครั้งละ 3 ปี



จากการตรวจประเมินครั้งนี้ส่งผลให้รายการยา Efavirenz Tablets 600 mg ของ อภ. ยังคงอยู่ใน WHO Prequalified List บนเว็บไซต์ของ WHO เป็นการยืนยันว่า องค์การเภสัชกรรม ได้มีการพัฒนาและรักษามาตรฐานคุณภาพอย่างสม่ำเสมอเป็นอย่างดี และมั่นใจได้ว่าทุก ๆ ผลิตภัณฑ์ขององค์การเภสัชกรรมที่ผลิตออกสู่ผู้บริโภคมีคุณภาพ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการรักษา ซึ่งจะส่งผลให้หลายประเทศมีความเชื่อมั่นในคุณภาพผลิตภัณฑ์ของ องค์การเภสัชกรรมมากขึ้น อีกทั้งสามารถขึ้นทะเบียนตำรับยา Efavirenz รวมถึงยาต้านไวรัสเอดส์รายการอื่น ๆ ในต่างประเทศรวดเร็วขึ้น ทำให้สามารถเพิ่มการส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศได้



​“การวิจัย พัฒนา และผลิตยา Efavirenz นับเป็นตัวอย่างหนึ่งที่สำคัญของการผลิตยาชื่อสามัญที่อภ.ได้ดำเนินการจนได้รับรองมาตรฐานระดับโลก อีกทั้งยังสามารถรักษามาตรฐานระดับโลกไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อภ. ได้รับความน่าเชื่อถือในระดับสากล ทั้งนี้ยาชื่อสามัญในกลุ่มยาจำเป็นนับเป็นกลไกสำคัญของระบบสาธารณสุขไทย ที่ทำให้คนไทยได้เข้าถึงยาที่มีประสิทธิผลการรักษาเทียบเท่ายาต้นแบบได้มากขึ้น เนื่องจากราคาที่ถูกลง ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่อภ.ต้องดำเนินการวิจัย พัฒนายาชื่อสามัญไว้ล่วงหน้า เพราะเมื่อยาต้นแบบหมดสิทธิบัตรลง ผู้ป่วยจะได้ใช้ยาชื่อสามัญในราคาที่ถูกลงต่อไปได้ทันที” ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมกล่าวเพิ่มเติมในตอนท้าย


คุมประพฤติเข้ม 8 วันปีใหม่ 68 ยอดคุมความประพฤติกว่า 7,237 คดี ติด EM 43 ราย เร่งตรวจประวัติบังคับใช้กฎหมายนำเข้าโปรแกรมแก้ไขฟื้นฟู

 คุมประพฤติเข้ม 8 วันปีใหม่ 68 ยอดคุมความประพฤติกว่า 7,237 คดี ติด EM 43 ราย เร่งตรวจประวัติบังคับใช้กฎหมายนำเข้าโปรแกรมแก้ไขฟื้นฟู

วันนี้ (4 มกราคม 2568) พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยสถิติคดีคุมประพฤติช่วงปีใหม่ 2568 โดยวันที่ 3 มกราคม 2568 มีคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติรวมทั้งสิ้น 681 คดี โดยเป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 610 คดี และคดีขับเสพ 71 คดี


สรุปยอดสะสม 8 วันที่มีการควบคุมเข้มงวด ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2567 - 3 มกราคม 2568 มีคดีคุมประพฤติรวม 7,237 คดี ยอดติด EM สะสม 43 ราย ดังนี้:

• คดีขับรถขณะเมาสุรา 6,927 คดี (ร้อยละ 95.72) ติด EM 41 ราย

• คดีขับเสพ 304 คดี (ร้อยละ 4.20) ติด EM 2 ราย

• คดีขับรถประมาท 4 คดี (ร้อยละ 0.05)

• คดีขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 2 คดี (ร้อยละ 0.03)


จังหวัดที่มียอดสะสมคดีขับรถขณะเมาสุราสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (511 คดี) เชียงใหม่ (427 คดี) และสมุทรปราการ (359 คดี)


พันตำรวจตรีสุริยา เปิดเผยว่า สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดสกลนคร และสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดปราจีนบุรี สาขากบินทร์บุรี ดำเนินการตามคำสั่งศาลติดอุปกรณ์ EM ให้กับผู้กระทำผิดในคดีเมาขับ จำนวน 4 ราย แม้จะเป็นการกระทำผิดครั้งแรก แต่การขับรถขณะเมาสุราถือเป็นการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทางถนน นอกจากนี้ ศาลได้สั่งคุมความประพฤติกรณีขับรถประมาท จำนวน 2 ราย และขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 2 คดี โดยผู้ถูกคุมความประพฤติต้องมารายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติและปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนด



สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศยังคงจัดกิจกรรมสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยการผสานกำลังสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ อาสาสมัครคุมประพฤติ ผู้ถูกคุมประพฤติ และภาคีเครือข่าย ในการสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ณ จุดบริการประชาชน ด่านชุมชน และด่านตรวจค้นบริเวณทางสายรองที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดอุบัติเหตุ รวม 56 จุด โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 286 คน และยังเพิ่มกิจกรรมการร่วมสังเกตการณ์การจราจรและพฤติกรรมการใช้ยานพาหนะตามถนนสายหลักและถนนสายรอง ผ่านกล้อง CCTV แบบเรียลไทม์ในหลายจังหวัด เพื่อสร้างความตระหนักและให้เห็นพฤติกรรมของผู้ขับขี่ทางถนน สามารถวิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ของตนเองให้กลับมาปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด


วันเด็กปีนี้ชวนน้องมาเที่ยวที่หอภาพยนตร์

 วันเด็กปีนี้ชวนน้องมาเที่ยวที่หอภาพยนตร์

🤩 เสาร์ที่ 11 มกราคม วันเด็กแห่งชาติปี 2568 หอภาพยนตร์จัดกิจกรรมพิเศษสำหรับน้อง ๆ ให้มาเที่ยวเล่นเรียนรู้เส้นทางประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ ไปพร้อมกับการทำกิจกรรมอีกมากมาย มีทั้ง workshop ประดิษฐ์ของเล่น “ภาพติดตา”, Street Art วาดภาพทรายสี, ลุ้นรางวัลไปกับการสอยดาว และจัดฉายภาพยนตร์ที่คัดสรรสำหรับเด็กเรื่อง How to Train Your Dragon (2553) และ Sing (2559) 

.

👉 ตั้งแต่เวลา 9.00 น. – 16.00 น. 

🥳 ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมกิจกรรม

.

📌 แผนที่การเดินทาง หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ถ.พุทธมณฑลสาย 5 ศาลายา https://goo.gl/maps/xu8xeWKpfyRv3wk87 มีที่จอดรถ

.

🚙 รถสาธารณะ : สาย 4-61(515), 515E(ทางด่วน) , สาย 4-70E ถึงหน้าหอภาพยนตร์ หรือสามารถนั่งสาย 4-51 (124), 4-63 (547) มาลงหน้าแมคโครศาลายาแล้วเดินหรือนั่งมอเตอร์ไซค์วินต่อมาประมาณ 600 เมตร

กรมบัญชีกลางอัปเดตสวัสดิการแห่งรัฐ เดือนมกราคม 2568 จ่ายอะไรบ้าง

 📣กรมบัญชีกลางอัปเดตสวัสดิการแห่งรัฐ เดือนมกราคม 2568 จ่ายอะไรบ้าง

นางสาวทิวาพร ผาสุข รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ผู้มีสิทธิสามารถใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ซึ่งในเดือนมกราคม 2568 จะได้รับสิทธิ ดังนี้

วันที่ 1 มกราคม 2568 (เป็นวงเงินสิทธิไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป)

- วงเงินซื้อสินค้า 300 บาทต่อคนต่อเดือน (สำหรับผู้มีสิทธิที่ยืนยันตัวตน 27 พ.ย. - 26 ธ.ค. 67 และเริ่มใช้สิทธิได้ 1 ม.ค. 68 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง)

          - วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน (ม.ค. - มี.ค. 68) 

          - วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน (ประกอบด้วย บขส. รถไฟ ขสมก. รถไฟฟ้า และรถโดยสารเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ)

วันที่ 20 มกราคม 2568 

- เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน 

สำหรับผู้มีสิทธิที่เป็นคนพิการ ซึ่งมีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเบี้ยความพิการ 800 บาทต่อเดือน ที่ยืนยันตัวตน 27 พ.ย. - 26 ธ.ค. 67 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง (โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัว

ประชาชน 13 หลัก ของผู้มีสิทธิหรือบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิหรือผู้รับมอบอำนาจที่ใช้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาท)

ทั้งนี้ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 0 2109 2345 หรือ Call Center กรมบัญชีกลาง 0 2270 6400 ในวัน เวลาราชการ” โฆษกกรมบัญชีกลางกล่าว            


คต. ปรับลด ปลดล็อก ช่วยคนตัวเล็ก ขึ้นทะเบียนส่งออกข้าว เสร็จไว ภายใน 30 นาที

 คต. ปรับลด ปลดล็อก ช่วยคนตัวเล็ก ขึ้นทะเบียนส่งออกข้าว เสร็จไว ภายใน 30 นาที

           กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ รับลูกนโยบายรัฐบาล ประกาศข่าวดีรับปีใหม่ สนับสนุนให้คนตัวเล็กสามารถทำธุรกิจส่งออกข้าวได้ง่ายขึ้น โดยปรับลดขั้นตอนการขึ้นทะเบียนส่งออกข้าว จาก 3 วัน เสร็จไว ภายใน 30 นาที มีผลทันที หวังช่วยอำนวยความสะดวก ผลักดันส่งออกข้าวปี 68

           นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายปลดล็อก/ปรับลด เงื่อนไขการส่งออกข้าว โดยแก้ไขกฎหมาย/กฎกระทรวงที่สามารถแก้ไขได้และให้เหมาะสม เพื่อสนับสนุนให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สามารถส่งออกข้าวได้ (ลดต้นทุนการส่งออก) รวมถึงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า ปรับลด เงื่อนไขการขออนุญาตเป็นผู้ส่งออกข้าว ปรับลดขั้นตอนการขออนุญาต จดทะเบียน ออกฟอร์ม และลดต้นทุน ตลอดจน สร้าง New Products วงการข้าวไทยในตลาดโลก เช่น ข้าวพื้นนุ่ม ข้าวเพื่อสุขภาพ เป็นต้น โดยในส่วนของกรมการค้าต่างประเทศ ได้ดำเนินการปรับลดขั้นตอนการขึ้นทะเบียนส่งออกข้าว จากเดิมซึ่งใช้เวลาถึง 3 วัน ให้เหลือเพียง 30 นาที สามารถดำเนินการได้ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ ในส่วนของการปรับลดปริมาณสต็อกข้าว และค่าธรรมเนียมการขอหนังสืออนุญาตประกอบการค้าข้าว กรมการค้าภายในอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป

          อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับลดขั้นตอนการขึ้นทะเบียนส่งออกข้าวของกรมการค้าต่างประเทศดังกล่าว จะเป็นการอำนวยความสะดวก รวดเร็ว ลดต้นทุนการส่งออกข้าว ส่งผลให้ SMEs สามารถส่งออกข้าวได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้ประชาสัมพันธ์ขั้นตอนการขอรับจัดสรรโควตาข้าวของสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร เพื่อสร้างการรับรู้และการขอรับจัดสรรโควตาข้าวให้กับผู้ประกอบการได้อย่างทั่วถึง ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและผลักดันการส่งออกข้าวในปี 2568 ที่มีการคาดการณ์ร่วมกันกับภาคเอกชนว่าการส่งออกข้าวไทยจะมีปริมาณ 7.5 ล้านตัน ลดลงจากตัวเลขการส่งออกข้าวในปี 2567 ที่ในช่วง 11 เดือน (มกราคม – พฤศจิกายน 2567) ส่งออกข้าวแล้ว 9.19 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 208,874 ล้านบาท หรือประมาณ 5,947 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าทั้งปี 2567 จะส่งออกข้าวได้ไม่ต่ำกว่า 9.9 ล้านตัน ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศจะได้ติดตามตัวเลขส่งออกอย่างเป็นทางการจากกรมศุลกากรอีกครั้งในช่วงปลายเดือนมกราคม 2568 นี้

         




 นอกจากนี้ เพื่อเป็นการรับมือกับความท้าทายในปี 2568 กรมการค้าต่างประเทศได้เตรียมแผนผลักดัน

การส่งออกข้าวเพื่อช่วยให้มีคำสั่งซื้อรองรับผลผลิตข้าวไทย โดยกรมฯ พร้อมเดินหน้าทำงานใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนรวมทั้งสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เพื่อส่งเสริมตลาดและผลักดันการส่งออกข้าวไทย ตามข้อสั่งการของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยมุ่งเน้นการรักษาตลาดเดิมและรุกตลาดที่มีศักยภาพ ภายใต้หลักการ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งกิจกรรมหลักในปี 2568 จะครอบคลุมทั้งการจัดงานประชุมข้าวนานาชาติ Thailand Rice Convention (TRC) โดยเชิญผู้นำเข้าและผู้เชี่ยวชาญในวงการค้าข้าวโลกมาพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ตลาดข้าวโลกและเจรจาธุรกิจระหว่างกัน รวมทั้งการกระชับความสัมพันธ์และสร้างความเชื่อมั่นกับคู่ค้าสำคัญเพื่อขยายตลาดข้าวไทย เช่น แอฟริกาใต้ ยุโรป สหรัฐอเมริกา แคนาดา และฟิลิปปินส์ ตลอดจนการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่สำคัญเพื่อประชาสัมพันธ์และขยายช่องทางตลาดของข้าวไทยในต่างประเทศ


M81 ฮอตเกินคาด! คนแห่ใช้ช่วงปีใหม่เพียบ กรมทางหลวงเร่งเปิดเต็มรูปแบบยังเปิดบริการช่วงนครปฐม -กาญจนบุรี ทุกสุดสัปดาห์

 M81 ฮอตเกินคาด! คนแห่ใช้ช่วงปีใหม่เพียบ กรมทางหลวงเร่งเปิดเต็มรูปแบบยังเปิดบริการช่วงนครปฐม -กาญจนบุรี ทุกสุดสัปดาห์ 

กรมทางหลวงเผยความสำเร็จการเปิดทดลองให้บริการมอเตอร์เวย์ M81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ฟรีช่วงปีใหม่ 2568 แบบปังๆ เกินความคาดหมาย พร้อมเดินหน้าเร่งรัดเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2568 โดยหลังปีใหม่นี้ยังคงเปิดให้ใช้ฟรีช่วง ด่านนครปฐมตะวันตก-กาญจนบุรี ทุกสุดสัปดาห์ เหมือนเดิม


3 มกราคม 2568 – นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า การเปิดทดลองให้บริการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี หรือมอเตอร์เวย์ M81 ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากประชาชน โดยในช่วงเปิดให้ทดลองใช้ฟรีตลอดเทศกาลปีใหม่ 2568 (26 ธ.ค. 67 - 2 ม.ค. 68) มีปริมาณรถยนต์ใช้เส้นทาง M81 ช่วงบางใหญ่ - นครปฐม รวมทั้งสิ้น 276,316 คัน สามารถแบ่งเบาปริมาณจราจรบนทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ช่วง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้ 23% ส่วนเส้นทาง M81 ช่วงนครปฐม - กาญจนบุรี มีปริมาณรถยนต์ใช้เส้นทาง รวมทั้งสิ้น 219,181 คัน สามารถแบ่งเบาปริมาณจราจรบนทางหลวงหมายเลข 323 ช่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ได้ถึง 43% สะท้อนให้เห็นถึงประโยชน์ของโครงการ M81 ในการอำนวยความสะดวก ร่นระยะเวลาเดินทาง และช่วยระบายการจราจรบนเส้นทางหลักจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล สู่ภาคตะวันตกและภาคใต้ ผ่านจังหวัดนครปฐม และจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ไปสู่จังหวัดต่าง ๆ เช่น ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ได้อย่างรวดเร็ว 

"ความสำเร็จของ M81 ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของโครงการฯ ในการรองรับปริมาณการจราจรที่หนาแน่น และช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดบนเส้นทางเดิม เช่น ถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางสู่ภาคตะวันตกและภาคใต้ สอดคล้องกับนโยบาย "คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย" ของท่านรองนายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่ง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เชื่อมโยงเศรษฐกิจ และขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืน"  


ทั้งนี้ กรมทางหลวงยังคงเปิดให้บริการ M81 ฟรีในช่วงสุดสัปดาห์ ระหว่างด่านนครปฐมตะวันตก - ด่านกาญจนบุรี ระยะทาง 51 กิโลเมตร ทุกวันศุกร์ เวลา 15.00 น. ถึงวันจันทร์ เวลา 12.00 น. โดยจะเริ่มเปิดให้บริการอีกครั้งในวันศุกร์ที่ 3 มกราคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อให้ประชาชนได้ทดลองใช้เส้นทาง และสัมผัสประสบการณ์การเดินทางที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย

สำหรับความคืบหน้าของโครงการฯ ปัจจุบันงานโยธาแล้วเสร็จ 99.8% และงานติดตั้งระบบต่างๆ มีความคืบหน้า  72.83 % ซึ่งรวมถึงระบบจัดเก็บค่าผ่านทาง ระบบควบคุมการจราจร และระบบความปลอดภัย คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้ภายในปี 2568





มอเตอร์เวย์ M81 นับเป็นเส้นทางแห่งโอกาส เชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยช่วยร่นระยะเวลาการเดินทางจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล ถึงกาญจนบุรี เหลือเพียงประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวในพื้นที่ ทั้งนี้หากพี่น้องประชาชนต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ สายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง)

กรมทะเล เผยข่าวดีรับปีใหม่ แม่เต่ามะเฟืองขึ้นวางไข่รังแรก!! ของฤดูกาล ปี 67-68

  กรมทะเล เผยข่าวดีรับปีใหม่ แม่เต่ามะเฟืองขึ้นวางไข่รังแรก!! ของฤดูกาล ปี 67-68      วันที่ 3 มกราคม 2568   ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรม...